วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555



ลักษณะสายพันธุ์ สุนัข ปอมเมอเรเนียน
 
          ปอมเมอเรเนียน เป็น สุนัข ที่มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 4-6 ปอนด์ หรือราว 1.7-2.5 กิโลกรัม ถ้านำหนักน้อยหรือมากกว่านี้ จะถือว่าไม่ได้มาตรฐานสายพันธุ์  เป็น สุนัข ที่ว่องไวปราดเปรียว มีขนชั้นในที่แน่นและนุ่ม และมีขนชั้นนอกที่หยาบกว่าชั้นใน หางสวยงามเป็นพวงขน และตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สูง หางจะขนานไปกับหลัง โดยลักษณะนิสัยพื้นฐานของ ปอมเมอเรเนียน นี้ คือ จะตื่นตัวเสมอ เห่าเก่ง  มีนิสัยอยากรู้อยากเห็น อวดดี สง่างาม และขณะก้าวย่างแสดงถึงความมีชีวิตชีวา เป็นพันธุ์สมบูรณ์ทั้งรูปร่างและการเคลื่อนไหว

           ศีรษะ 
          ศีรษะจะสมดุลได้สัดส่วนกับลำตัว จมูกยาวเล็กน้อย ตรง มองเห็นชัดเจน ปลายจมูกเชิดเป็นอิสระจากริมฝีปาก การแสดงออกของใบหน้าจะสดใส ร่าเริง คล้ายใบหน้า สุนัข จิ้งจอก หรืออีกนัยหนึ่งคือใบหน้าที่ฉลาดแกมโกง เจ้าเล่ห์ กะโหลกจะปิดสนิท ด้านบนสุดของกะโหลกจะกลมเล็กน้อย แต่ไม่เป็นรูปโดมซะทีเดียว เมื่อมองจากด้านหน้าและด้านข้าง จะเห็นใบหูที่ค่อนข้างเล็ก เชิดสูงและตั้งตรงเสมอ เมื่อลากเส้นผ่านปลายจมูกไปยังตรงกลางตาไปยังปลายหูจะได้เส้นตรง นัยน์ตาเป็นสีดำ แววตาสดใสรูปร่างอัลมอนด์ ขนาดปานกลางตั้งอยู่ในตำแหน่งตัวกับกะโหลก นัยน์ตาค่อนข้างชัดเจน ขอบตาและจมูกต้องเป็นสีดำ ยกเว้น ปอมเมอเรเนียน สีน้ำตาล และสีน้ำเงิน (เทา) ฟันสบกันแบบกรรไกร ถ้ามีฟันซี่ใดซี่หนึ่งไม่ตรงก็ยอมรับได้

           ลำตัว ลำคอ

          ลำคอสั้น โดยศีรษะแทบจะติดกับไหล่ ส่วนหลังนั้น ลำตัวกระชับและกะทัดรัด มีซี่โครงและช่วงอกที่ทำงานได้ดี โดยยื่นไปถึงข้อศอก หางดีเป็นพวง เป็นลักษณะเฉพาะพันธุ์ โดยจะขนานไปกับลำตัวส่วนหลัง

           ลำตัวส่วนหน้า
          ลำตัวส่วนหลังจะเป็นตัวชูให้ลำคอ และศีรษะอยู่สูง แสดงถึงความผ่าเผย ไหล่และขามีกล้ามเนื้อปานกลาง ความยาวของใบไหล่ และต้นแขนจะเท่ากัน ขาหน้าจะตรงและขนานกับความสูงจากศอกถึงตะโหนก เท่ากับความสูงจากศอกถึงพื้น ข้อเท้าตรงและแข็งแรง เท้าได้รูปหุบสนิท ไม่บิดเข้าหรือบิดออก ขณะยืนจะรับน้ำหนักตัวได้ดี อาจต้องมีการตัดนิ้วติ่ง

           ลำตัวส่วนท้าย

          มุมของลำตัวส่วนท้ายจะสมดุลกับลำตัวส่วนหน้า สะโพกสวย ต้นขามีกล้ามเนื้อปานกลาง ข้อเท้าบิดเล็กน้อย ข้อเท้าได้ฉากกับพื้น และขาจะตรงและขนานกับอีกข้าง ขอบเท้าชัดเจน เท้าหุบสนิท ไม่บิดเข้าหรือบิดออก สุนัขยืนอยู่บนนิ้วเท้าได้อย่างดี อาจต้องมีการตัดนิ้วติ่ง 

           การก้าวย่าง และเคลื่อนไหว

          ปอมเมอเรเนียน มีการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวล เป็นอิสระ สมดุลและกระฉับกระเฉง มีแรงส่งตัวไปด้านหน้าได้ดี เพราะมีแรงขับจากลำตัวส่วนท้าย ขาหลังจะเดินตามรอยขาหน้าในข้างเดียวกัน เป็นการเดินและเคลื่อนไหวที่สมดุล ขณะเคลื่อนไหวจะไม่มีการเหวี่ยงเท้าเข้าหรือออกจากลำตัว ลำตัวด้านบนยังคงได้ระดับ ซึ่งดูแล้วลักษณะทั้งหมดจะสมดุล

           ขนและสีขน
          ปอมเมอเรเนียน เป็น สุนัข ที่มีขนสองชั้น ขนชั้นในนิ่มและแน่น ขนชั้นนอกจะยาวตรงหยาบกว่า แต่จะส่องแสงแวววาว ขนชั้นในจะหนาเพื่อปกป้องลำตัวของ สุนัข โดยขนจะแน่นตั้งแต่ลำคอ ไหล่ และอก ขนชั้นนอกบริเวณไหล่ อก ค่อนข้างมาก ขนบริเวณศีรษะและขาจะน้อยและสั้นกว่าส่วนอื่น (โดยเฉพาะลำตัวและไหล่จะยาวที่สุด) ลำตัวส่วนหน้าจะมีขนปกคลุมไปจนถึงข้อเท้าหางจะมีขนชั้นนอกที่ยาว แข็ง ปกคลุม อาจต้องมีการตัดเล็มขนบ้างซึ่งยอมรับได้

          ส่วนมีสีขนของ ปอมเมอเรเนียน จะมีหลายสี หลายแบบ เช่น ดำและน้ำตาล สีผสมหรือสีทองออกส้ม สีขาว ที่มีสีอื่นร่วมบริเวณศีรษะ หรืออีกประเภทที่เรียกว่า open elasses คือจะมีสีแดง สีส้ม สีครีม สีดำ สีน้ำตาล สีเทา เป็นต้น


อาหารและการเลี้ยงดู ปอมเมอเรเนียน

          การดูแลขนของ ปอมเมอเรเนียน ต้องได้รับการแปรงขนทุกวันหรืออาทิตย์ละสองครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อที่จะให้ขนที่หนาและสวยไม่พันกัน ขนของ ปอมเมอเรเนียน ต้องการการเล็มบ้างแค่ครั้งคราว ส่วนการดูแลหูและเล็บเป็นประจำเป็นสิ่งที่แนะนำรวมกับการอาบน้ำ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรอาบน้ำให้ ปอมเมอเรเนียน บ่อยมากจนเกินไป เพราะการอาบน้ำบ่อยจะทำให้หนังและขนเแห้งจนเกินไป เนื่องจากน้ำมันที่จำเป็นถูกล้างออกไปหมด 

          นอกจากการดูแลขนแล้ว สิ่งที่สำคัญที่มากที่สุดสำหรับ สุนัข ปอมเมอเรเนียน คือการได้รับการดูแลสุขภาพปากและฟันเป็นอย่างดี เนื่องจาก ปอมเมอเรเนียน ง่ายต่อการสูญเสียฟันอันเนื่องมาจากปัญหาฟันผุ หรือสุขภาพเหงือกไม่ดี จึงต้องมั่นทำความสะอาดฟันให้เป็นประจำ และควรให้อาหารชนิดแห้งเพื่อลดปัญหาสุขภาพปากและฟัน

บีเกิ้ล



มารู้จักบีเกิลกัน (Beagle)
         บีเกิ้ล (Beagle) เป็นสายพันธุ์สุนัขมีถิ่นกำเนิด ในประเทศสหราชอาณาจักร อยู่ในจำพวกกลุ่ม สุนัขล่าเนื้อ (Hound) มีขนสั้น และหูปรก เป็นสุนัขที่มีประสาท ด้านการดมกลิ่นเป็นเลิศ (scent hounds) ที่ พัฒนาสายพันธ์ ขึ้นมาครั้งแรก ด้วยจุดประสงค์ เพื่อเป็นผู้ช่วยมนุษย์ในกีฬา การล่าต่างๆ โดยเฉพาะ การล่ากระต่าย ด้วยประสาท ด้านการดมกลิ่นที่ไวมาก จึงได้มีการฝึกให้เป็นสุนัขตรวจสอบ ของผิดกฎหมาย อย่างเช่น ยาเสพติด วัตถุระเบิด ฯลฯ แต่บีเกิ้ลยังได้รับความนิยม ในฐานะสัตว์เลี้ยงเช่นกัน ด้วยขนาดตัว ที่พอเหมาะ เป็นสุนัขอารมณ์ดี และสุขภาพแข็งแรงทนทานต่อโรค ด้วยคุณสมบัตินี้เอง บีเกิ้ลยังถูกใช้ใน งานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวกับสัตว์อีกด้วย 

         สุนัขสายพันธุ์บีเกิ้ลมีมากว่า 2000 ปีแล้ว และมีชื่อเสียงมาก ในยุคของพระนางอลิซาเบท (Elizabethan era) ซึ่งปรากฏในงานวรรณกรรม จิตรกรรม ภาพยนตร์ โทรทัศน์ และหนังสือการ์ตูนเรื่องสนู๊ปปี้ (Snoopy) ก็เป็นบีเกิ้ล ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดตัวหนึ่งของโลก 

พฤติกรรมทั่วไป 
         บีเกิ้ลเป็นสุนัขที่สุภาพ พวกมันค่อนข้างเป็นมิตร ไม่ดุร้ายเกินไปหรือเฉื่อยชาเกินไป ชอบอยู่กันเป็นกลุ่ม แม้ว่าจะพอใช้กันคนแปลกหน้าได้บ้าง แต่มันก็เชื่องคนง่ายเกิน จึงไม่เหมาะที่จะเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน แต่ว่า มันยังคงเห่า หรือหอนบ้าง เมื่อเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้า 

ในปี 1985 เบ็นและลิเน็ท ฮาท (Ben and Lynette Hart) ได้ทำการศึกษาบีเกิ้ล พร้อมกับสุนัขพันธุ์อื่นๆอย่าง ยอคเชียร์ เทอเรีย (Yorkshire Terrier) เคนท์ เทอเรีย (Cairn Terrier) เวส ไฮด์แลนด์ ไวท์ เทอเรีย (West Highland White Terrier) ฟอกซ์ เทอเรีย (Fox Terrier) ผลออกมาว่าบีเกิ้ลเป็นสุนัขที่ฉลาด และเป็นสายพันธุ์ที่ถูกพัฒนามา ด้วยจุดประสงค์เดียว คือให้เป็นนักล่ามาเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ฝึกค่อนข้างยาก โดยทั่วไปเมื่อมันรับคำสั่งแล้ว จะสั่งยกเลิกได้ยาก และเมื่อมันจดจำกลิ่นหนึ่งได้ มักจะถูกกลิ่นอื่นรอบตัวเบี่ยงเบนความสนใจได้ง่าย พวกมันจะไม่ค่อย ยอมรับคำสั่งทั่วๆไป แต่ก็มีการตอบสนองต่ออาหารที่ดี มีความตื่นตัวสูง ช่างประจบ ในทางกลับกันก็เป็นสุนัขที่เบื่อง่าย 

บีเกิ้ลเป็นสุนัขที่เหมาะกับเด็กๆ จึงเป็นสุนัขที่นิยมเลี้ยงกันในครัวเรือน แต่ว่าพวกมันเป็นสุนัขที่อยู่เป็นฝูง เวลานำไปเลี้ยง จึงอาจเกิดอาการซึมเศร้าได้ ไม่ใช่บีเกิ้ลทุกตัวที่จะหอน แต่ส่วนมากจะเห่าเมื่อเผชิญ กับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งบางตัวจะเห่า หรือหอน เมื่อรับรู้ถึงกลิ่นใดกลิ่นหนึ่งโดยเฉพาะ บีเกิ้ลยังเข้ากับสุนัขสายพันธุ์อื่นได้ง่าย พวกมันแข็งแรงมาก จึงวิ่งเล่นได้นานโดยที่ไม่เหนื่อยง่ายๆ 

สิ่งที่เจ้าของ BEAGLE ต้องทำใจรับรู้ไว้ก่อนว่า สุนัขพันธุ์นี้พร้อมที่จะวิ่งหนีจากท่านได้ตลอดเวลา แต่ก็มีวิธีการป้องกันได้ เช่น ในการพาสุนัขไปเดินเล่นควรใช้สายจูงตลอดเวลา หรือทำการฝึกตั้งแต่ได้รับสุนัขมา 

ขั้นตอนการฝึกก็คือ เราควรพาสุนัข ออกไปเดินเล่นบ่อยๆ ในที่ๆมีรั้วรอบขอบชิด ปล่อยสายจูงยืนอยู่กับที่ เมื่อสุนัขวิ่ง ออกห่างจากตัวมากเกินไปให้เรียกชื่อสุนัข เมื่อสุนัขวิ่งกลับมาหาเรา เราก็ให้รางวัล สุนัขโดยการให้ขนม(คุกกี้ ไส้กรอก อาหารเม็ด) รวมถึงใช้เสียงชมเชย แต่ถ้าสุนัขไม่กลับมา ห้ามวิ่งตาม และส่งเสียงเอะอะโวยวายโดยเด็ดขาด ให้ค่อยๆ ย่องเข้าไปจับตัวสุนัข แล้วส่งเสียงดุ ให้สุนัขกลัว และรู้สึกผิด ทดลองซ้ำๆ กันหลายๆ ครั้ง ทุกๆ วันจนกว่าสุนัขจะทำตาม โดยปกติแล้วสุนัข BEAGLE เป็นสุนัขที่ตอนเล็กๆจะซนพอสมควร แต่จะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออายุมากขึ้น เพราะฉะนั้น ไม่ควรปล่อยสุนัข อยู่คนเดียว เพราะ อาจจะกัดข้าวของเสียหาย หรือไปกัด หรือกินสิ่ง ของที่มีอันตราย เช่น สายไฟฟ้า เป็นต้น 

วิธีแก้ไขคือ จับสุนัขขังไว้ ในห้องแคบๆ ที่ปลอดภัย หรือใช้กรงช่วยในการฝึกจะดีที่สุด แต่มีข้อแม้ว่า ต้องปล่อยสุนัข ออกมาเดินเล่นทุกๆ 2-3 ชั่วโมงและมีน้ำดื่มสะอาดไว้ ในกรงตลอดเวลา 


มารู้จักบีเกิลกัน (Beagle)
การออกกำลังกาย
          เป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับสุนัข BEAGLE สุนัขพันธุ์นี้เป็นสุนัขที่มีพลังงานมาก การออกกำลังกายเป็นสิ่งจำเป็นมาก สำหรับสุนัขพันธุ์นี้ ฉะนั้นสุนัขพันธุ์นี้จะรู้สึกหิวตลอดเวลา อาหารจึงเป็น สิ่งจำเป็นมาก และการให้อาหารให้สัมพันธ์ กับจำนวนมื้อเป็นสิ่งสำคัญ ต้องซอยมื้ออาหารออกมาเป็นหลายๆเวลา ทุกๆ 4-6 ชั่วโมงแต่ละมื้อ ต้องมีจำนวนพอดีๆ วิธีนี้จะป้องกันไม่ให้สุนัขของท่านเป็นสุนัขตะกละ และเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ 

การดูแลเรื่องขน และความสะอาดสุนัข 
          โดยปกติแล้วการทำความสะอาด ขนสุนัขพันธุ์นี้เป็นเรื่องที่ง่ายมาก เนื่องจากมีขนสั้น สีขนเข้ม และรักสะอาด แต่การดูแลก็ยังเป็นเรื่องจำเป็นอยู่ เช่นกัน เราควรจะทำ การแปรงขนสุนัขทุกๆ 3-4 วัน เพื่อดึงขน ที่ตายแล้ว ออกขนเส้นใหม่ จะได้ขึ้นมาแทนที่ ทั้งนี้จะช่วยลดการร่วงหล่น ของขนภายในบ้านได้ด้วย อุปกรณ์ที่ใช้ก็มี แปรงขนหมู (ลักษณะเป็นเส้นขนสีดำ หาซื้อได้ตาม ร้านอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงทั่วไป) แปรงลวดเส้นห่าง ผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก น้ำสะอาด และน้ำยาดับกลิ่น (เดตตอล) 

การอาบน้ำ
          จะอาบก็ต่อเมื่อ สุนัขสกปรกจริงๆ หรือทุกๆ 2-3 อาทิตย์ วิธีการอาบก็ง่ายๆ โดยใช้แชมพูสำหรับสุนัขทั่วๆไป หรืออาจจะใช้แชมพู ผสมยากำจัดเห็บหมัดก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องล้างแชมพูออกให้หมด และเช็ดตัวให้แห้งจริงๆ ทุกครั้ง เพื่อป้องกันโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา

ชิ วา วา


ชิวาวา
ลักษณะทั่วไปของน้องชิ มีดังนี้
ลักษณะชิวาวา
chihuahua emoลักษณะทั่วไป : ชิวาวาเป็นสุนัขขนาดเล็กที่มีความฉลาดและจงรักภักดีต่อเจ้าของมาก มีทั้งพันธุ์สั้นและขนยาว ชิวาวาพันธุ์ขนสั้นมีต้นกำเนิดมาจากสุนัขสายพันธุ์ดั้งเดิม ส่วนสายพันธุ์ขนยาวเพิ่งได้รับการพัฒนาขึ้นมาภายหลัง ชิวาวาเป็นสุนัขที่มีโครงสร้างกระชับสมสัดส่วน ดูสง่างาม คล่องแคล่วว่องไวและตื่นตัวตลอดเวลา กะโหลกมีลักษณะกลม ความยาวลำตัวมากกว่าความสูงเล็กน้อย จมูกและปากสั้น ปลายจมูกค่อนข้างแหลม จมูกมีสีเข้มเข้ากับขนลำตัว ใบหูมีขนาดใหญ่ปลายหูค่อนข้างแหลมตั้งขึ้น ตาโตแต่ไม่ยื่นโปนออกมา นัยน์ตามีสีดำสนิท
chihuahua emoนิสัย : ชิวาวาเป็นสุนัขมีความฉลาดและจงรักภักดีต่อเจ้าของมา กเมื่อเทียบกับสุนัขพันธุ์อื่นๆ โดยปกติมักเป็นสุนัขที่เงียบสงบไม่ค่อยเห่าส่งเสียงร บกวน เว้นแต่จะถูกรบกวนหรือทำตกใจจึงจะเห่าเพื่อรักษาที่อ ยู่อาศัยของตัวเอง นอกจากนี้ยังมีนิสัยกล้าหาญมักจะยืนหยัดต่อสู้กับสุนัขตัวอื่นๆ ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กกว่า แต่ก็มีอัธยาศัยที่ดีกับสุนัขตัวอื่นหรือสัตว์เลี้ยง ชนิดอื่นๆ
chihuahua emoขนาด :
- ความสูง 16-20 (เซนติเมตร)
- น้ำหนักตัว 2.5-2.7 (กิโลกรัม)
chihuahua emoขน :
- ชิวาวาพันธุ์ขนสั้น เส้นขนควรมีลักษณะอ่อนนุ่มและแนบติดกับลำตัวขนเป็นมั นแวววาว หากชิวาวาตัวโต จะมีขนขึ้นดกหนากว่าปกติ เพราะมีขนชั้นในด้วยไม่ถือว่าผิดมาตรฐาน
โดยปกติขนที่บริเวณลำตัวและคอ จะขึ้นหนาแน่นกว่าขนตามส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ส่วนขนที่บริเวณศีรษะและใบหูจะบางกว่าส่วนอื่น
- ชิวาวาพันธุ์ขนยาว เส้นขนควรมีลักษณะอ่อนนุ่ม ขนเหยียดตรง หรือเป็นลอนเล็กน้อย แต่ห้ามหยิก ขนชั้นในจะมีหรือไม่มีก็ได้ ขนที่บริเวณใบหูจะต้องยาว แต่ถ้าขนยาวและดกมากหนาเกินไปจนห้อยปรกลงมาครอบใบหู ควรตัดเล็มออก
สำหรับขนที่บริเวณขาอุ้งเท้า และบริเวณด้านหลังของสะโพกควรมีเส้นเล็กบาง ส่วนขนที่บริเวณลำคอและหางควรมีลักษณยาวและฟู
chihuahua emoสี : ของขนที่บริเวณหางควร มีสีกลมกลืนกับสีของขนบนตัว
- สำหรับชิวาวาขนสั้น ขนที่บริเวณหางควรมีลักษณะยาวและอ่อนนุ่มกว่าขนบนตัว
- ส่วนชิวาวาพันธุ์ขนยาว ขนที่บริเวณหางควรมีลักษณะยาวและอ่อนนุ่ม
chihuahua emoศีรษะ : กะโหลกศีรษะควรกลมคล้ายผลแอปเปิ้ลตั้งกลับหัว ผิวหนังตรงบริเวณกรามและแก้ม ควรตอบแนบติดกับกระดูก
chihuahua emoหู : ใบหูควรมีขนาดใหญ่ ปลายหูค่อยข้างแหลม ในยามที่สุนัขเกิดความตื่นตัวหรือกำลังให้ความสนใจกั บสิ่งหนึ่งสิ่งใด ใบหูควรตั้งชัน แต่ในยามปกติใบหูทั้ง 2 ข้างควรตั้งถ่างออกจากกันโดยฐานใบหูทำมุมเฉียง 45 องศา กับกะโหลกศีรษะ สำหรับชิวาวาพันธุ์ขนยาว บริเวณหลังใบหูควรมีขนยาว ปกคลุมถ้าหากขนขึ้นที่ใบหูดกหนามากเกินไปอาจเล็มแต่เ พื่อความสวยงามไดแต่ถ้าใบหูห้อยปรกลงมาถือว่าบกพร่อง
chihuahua emoตา : ตาโตแต่ไม่ควรยื่นโปนออกมามาก ตาทั้ง 2 ข้างควรมีขนาดเท่าๆกัน และตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากกันในระดับพอเหมาะ นัยน์ตาควรมีสีดำสนิทส่องประกายแวววาว แต่สำหรับชิวาวาที่มีขนสีครีมออกเหลือง หากนัยน์ตามีสีจางอนุโลมได้ จมูก จมูกปากควรสั้น ปลายจมูกปากค่อนข้างกลม สีของจมูกควรมีสีเข้ากับสีของขนบนลำตัว สำหรับชิวาวาที่มีขนสีครีมออกเหลือง หากจมูกมีสีชมพูถือว่าพออนุโลมได้ซึ่งจุดนี้จะแตกต่า งจากสุนัขพันธุ์อื่นๆ เพราะโดยส่วนใหญ่ หากสุนัขมีจมูกสีชมพู ถือว่าเป็นข้อบกพร่องร้ายแรงมาก
chihuahua emoฟัน : ฟันหน้าควรขนกันได้สนิทเหมือนกรรไกร โดยฟันบนเกยอยู่ด้านนอก แต่ถ้าฟันแถวล่างเกยอยู่ด้านนอก หรือฟันบนขบเกยอยู่ด้านนอก แต่ขบฟันล่างไม่สนิทหรือฟันขาด หรือฟันขึ้นไม่เป็นระเบียบล้วน ถือเป็นข้อบกพร่องร้ายแรงทั้งสิ้น
chihuahua emoคอและหัวไหล่ : ลำคอควรมีลักษณะเป็นเส้นโค้งสวยงาม ลาดเทเข้าหาหัวไหล่เล็กน้อย สำหรับชิวาวาพันธุ์ขนสั้น ความสวยงามของลำคอถือเป็นเรื่องสำคัญมากเนื่องจากมอง เห็นได้อย่างชัดเจน เพราะไม่มีขนมาบดบัง ส่วนชิวาวาพันธุ์ขนยาว ขนที่บริเวณลำคอควรยาวแต่ไม่ถึงกับยาวและดกหนามาก หัวไหล่ที่ดีควรมีลักษณะราบเรียบและค่อยๆขยายออกกว้า ง รับกับขาหน้าทั้ง 2 ข้าง กระดูกหัวไหล่ควรลาดเทลงหาแผ่นหลัง
chihuahua emoอก : ควรลึก และกว้าง แต่ไม่ต้องถึงกับเท่าพันธุ์บลูด็อก แผ่นหลังและลำตัวแผ่นหลัง ควรมีลักษณะเป็นเส้นตรงขนานกับพื้น ความยาวของลำตัวมีมากกว่าความสูงเล็กน้อย โดยปกติชิวาวาเพศผู้จะมีลำตัวที่สั้นกว่าเพศเมีย โครงสร้างลำตัวมีลักษณะค่อนข้างกลม ไม่แบน แต่ก็ไม่ถึงกลมเหมือนถังเบียร์
chihuahua emoลำตัว : ครึ่งท่อนหลังจะต้องเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ข้อศอกขาหลังเวลายืนตั้งอยู่ห่างจากกันในระดับพอเหมา ะ ข้อศอกไม่ควรบิดเข้าหากัน เวลาที่สุนัขเดินหรือวิ่งแลดูแข็งแรง เท้าไม่ปัด
chihuahua emoหาง : ต้องยาวพอเหมาะ หางควรตั้งและมีลักษณะโค้งคล้ายหางของสุนัขไทยหางดาบ ในกรณีที่สุนัขมีหางม้วน อนุโลมให้ปลายหางม้วนแตะแผ่นหลังได้ แต่ห้ามเลยระดับแผ่นหลังลงมา
chihuahua emoขาและเท้า : ขาควรเหยียดตรงและตั้งขนานกัน อุ้งเท้าควรมีขนาดเล็ก นิ้วเท้าแยกออกจากกัน แต่ไม่ถึงกับกางแบะออกเหมือนตีนเป็ด อุ้งเท้าคล้ายกับอุ้งเท้าของสุนัขพันธุ์บลูด็อก ซึ่งจะแตกต่างจากอุ้งเท้าของสุนัขพันธุ์อื่นๆ ซึ่งโดยมากมีอุ้งเท้ากระชับ
chihuahua emoสี : สีขนอาจมีได้หลายสี ไม่มีข้อจำกัด อาจเป็นสีเดียวกันทั้งตัวหรืออาจมีมาร์คกิ้งหรือสีด่ างก็ได้ สีขนมีได้ไม่จำกัด อาจเป็นสีเดียวทั้งตัวหรือมี มาร์คกิ้งหรือมีสีต่างๆก็ได้

เฟรนช์ บูลด็อก



เฟรนช์ บูลด็อกอ้วนกลม หน้าย่น และอารมณ์ดี

ลักษณะทั่วไป
รูปร่างกลม ๆ ป้อม ๆ บวกกับขาสั้น ๆ ทำให้เวลาเดิน สะโพกของ เฟรนช์ บูลด็อก จะส่ายไปมา เมื่อรวมเข้ากับจมูกสั้น ย่น ปากกว้างที่ดูเหมือนยิ้มตลอดเวลา และใบหูอันใหญ่โตที่คล้ายกับหูค้างคาว
ความเป็นมา
     ประมาณปี 1860 มีสุนัข Bulldog มากมายในประเทศอังกฤษและสุนัขชนิดนี้ไม่ค่อยนิยมเลี้ยงเท่าไร สุนัขเหล่านี้บางส่วนถูกส่งเข้าไปในประเทศฝรั่งเศส และได้ผสมกับสุนัขพันธุ์ต่างๆในฝรั่งเศส จนในที่สุดเกิดเป็นสุนัขพันธุ์ เฟรนช์ บูลด็อก ( French Bulldog ) ขึ้นและสุนัขพันธุ์นี้เป็นที่นิยมเลี้ยง  ในประเทศฝรั่งเศสโดยเฉพาะสุภาพสตรี ปี 1880 ปารีส เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมของชาวอเมริกาผู้มั่งคั่ง และเมื่อมีข่าวสุนัขพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น ต่างก็ต้องการอยากจะไปดูด้วยตาตนเอง
       สิ่งที่พวกเขาได้พบคือสุนัขพันธุ์ เฟรนช์ บูลด็อก สุนัขพันธุ์นี้มาจากอังกฤษ ความจริงอเมริกามีอิทธิพลในการเลือกเพาะพันธุ์นี้ขึ้นมาให้มีลักษณะอย่าง เฟรนช์ บูลด็อก ในปัจจุบันได้รับการยอมรับที่สามารถให้พัฒนาให้มีหัวอย่างมัสตีฟ ขากรรไกรเป็นรูปสี่เหลี่ยม ลำตัวกะทัดรัดและที่สำคัญคือที่ใบหูเหมือนค้างคาวอย่างที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ เฟรนช์ บูลด็อก เป็นสุนัขพันธุ์เล็กน้ำหนักไม่เกิน 28 ปอนด์ หน้าเหมือน บูลด็อก ทั่วไป ริมฝีปากหนา จมูกหักสั้นเข้าไปด้านใน นัยน์ตาสดใส ลักษณะพิเศษคือใบหูเหมือนค้างคาว ซึ่งไม่มีสุนัขพันธุ์ใดในโลกนี้เหมือนเขาจะเห่าและขู่บ้าง แต่มีความเป็นมิตรชอบทำตัวเป็นเจ้าของบ้านมากกว่าเป็นผู้อารักขา พร้อมที่เป็นมิตรกับคนแปลกหน้าเสมอไม่ว่าจะเป็นคนแก่ เด็ก แมว และสัตว์อื่นๆ มีนิสัยขี้เล่น ร่าเริงรักเด็กขนาดใกล้เคียงกับ Pug และ Boston Terrier
ลักษณะนิสัย
ฉลาด กล้าหาญ ร่าเริง ชอบเล่น ชอบออกกำลังกาย และตื่นตัวอยู่เสมอ เป็นมิตร เข้ากับคนและสัตว์อื่น ๆ ได้ดี เฟรนช์ บูลด็อก เป็นสุนัขที่เห่าน้อย ไม่ทนต่ออากาศร้อน โดยเฉพาะตัวที่นำเข้าจากต่างประเทศ อาจจะยังปรับตัวไม่ได้ แต่สำหรับสุนัขเฟรนช์ บูลด็อก ที่เกิดในเมืองไทยจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องสภาวะอากาศเท่าไรนัก
การดูแล
 

    ด้วยความที่เป็นสุนัขขนสั้น เฟรนช์ บูลด็อก  จึงไม่ต้องการการดูแลมาก แต่เขาจะผลัดขนในช่วงหน้าร้อน การออกำลังกายทำได้ง่าย โดยพาเขาเดินเล่นรอบๆ บ้านหรือโยนลูกบอลเล่นกับเขา เขาไม่ชอบการถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ผู้เลี้ยงต้องให้ความสำคัญ กับเรื่องระบบการหายใจของสุนัขด้วย  หายใจทางปากถี่ขึ้นจนผิดปกติ ควรรีบนำเขาเข้าที่ร่มหรือห้องแอร์โดยเร็ว และหากมั่นใจว่าเขาอาจจะเป็นฮีทสโตรก (ชักเนื่องจากความร้อน) ควรลดอุณหภูมิร่างกายของเขาให้เร็วที่สุด เช่น เอาน้ำราด เอาน้ำแข็งไปโปะ แล้วพาไปหาหมอให้ฉีดยากันชักโดยเร็ว
 
 
 
ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม
เป็นสุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนเด็กโตได้ดีเยี่ยม
ข้อควรจำ
เช่นเดียวกับสุนัขที่จมูกสั้นพันธุ์อื่นๆ ที่อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจและในช่วงฤดูร้อน ที่มีสภาพอากาศร้อนจัดอาจทำให้เขาเกิดความเครียดได้
   
มาตรฐานสายพันธุ์
  
 
ขนาด
 ชนิดเล็กมีน้ำหนักน้อยกว่า 22 ปอนด์ ชนิดใหญ่มีน้ำหนักประมาณ 22-28 ปอนด์ 
ศีรษะ
 มีขนาดใหญ่คล้ายทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส หัวกะโหลกระหว่างหูค่อนข้างแบน 
หน้าผาก
 มีลักษณะโค้งเล็กน้อย แก้มมีกล้ามเน้อชัดเจน 
ปาก
 มีลักษณะกว้างและลึก มุมปากเหนียงและค่อนข้างหนา กรามแข็งแรงขณะหุบปากไม่เห็นฟันยื่นออกมา 
ตา
 มีสีเข้ม ขนาดปานกลาง ตาค่อนข้างกลม ตาค่อนข้างห่างจากหู ตาไม่ลึกหรือโปน 
หู
 มีลักษณะเหมือนหูค้างคาว โคนหูใหญ่ ค่อนข้างยาว ปลายหูกลม โคนหูอยู่ค่อนข้างสูง 
จมูก
 มีลักษณะสั้น รูจมูกกว้าง จมูกมีสีดำ หรือสีจาง ขึ้นอยู่กับสีของขน ดั้งจมูก มีมุมหักชัดเจนทำให้มีหลุมลึก 
คอ
 มีลักษณะกลมหนา หนังคอบริเวณลูกกระเดือก ค่อนข้างย่น 
อก
 กว้างและลึก 
ลำตัว
 มีลักษณะสั้นกลม เส้นหลังโค้ง บริเวณหัวไหล่ค่อนข้างกว้างบริเวณเอวเล็ก 
ขาหน้า
 มีกระดูกใหญ่ ขาหน้าค่อนข้าสั้น ขาหน้าประกอบด้วยกล้ามเนื้อขา ขาหน้าตั้งตรงขาหน้าทั้งสองห่างกันพอสมควร เท้าหน้าขนาดพอเหมาะนิ้วเท้าชิด 
ขาหลัง
 ประกอบด้วยกล้ามเนื้อขาหลังตรง ห่างกันพอประมาณข้อเท้าหลังอยู่ในระดับต่ำ เท้าหลังมีขนาดพอเหมาะนิ้วเท้าชิด เท้าหลังใหญ่กว่าเท้าหน้าเล็กน้อย 
หาง
 โคนอยู่ในระดับต่ำ หางตรงหรือเป็นเกลียวได้ หางค่อนข้างสั้น 
ขน
 ขนสั้นนุ่ม ขนมีหลายสี เช่น น้ำตาล ขาว น้ำตาลขาว หนังค่อนข้างย่


หมาปั๊ก Puggy ตูบหน้าบี้...จอมทะเล้น

หมาปั๊ก Puggy ตูบหน้าบี้...จอมทะเล้น



หมาปั๊ก Puggy ตูบหน้าบี้...จอมทะเล้น (Dogazine)

          ในปัจจุบัน คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักสุนัขสายพันธุ์ปั๊กเป็นแน่ เนื่องด้วยกระแสความนิยมในสุนัขสายพันธุ์นี้ที่เริ่มมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะด้วยอุปนิสัยน่ารักน่าเลี้ยงก็ดี หรือจะด้วยรูปร่างหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ มองอย่างไรก็ไม่เบื่อ ชวนให้หัวเราะแล้วอารมณ์ดีทุกคราที่มองปั๊กน้อย สิ่งเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลที่ทำให้คนไทยหันมาเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้มากขึ้นตามลำดับ

          ด้วยความร่าเริงที่ไม่เหมือนใคร หน้าตาแลดูฉงนปนทะเล้น และอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา ทำให้ปั๊กไม่เพียงแต่เป็นที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยเท่านั้น หากแต่ยังแพร่หลายมากขึ้นทั่วโลกอีกด้วย

มาตรฐานสายพันธุ์

          ถิ่นกำเนิด   ประเทศจีน
          กลุ่ม   Toy
          หัว   หัวกะโหลกมีลักษณะกลม ขนาดใหญ่ หนังบริเวณหน้าผากมีรอยย่นมาก
          หู   ขนาดเล็ก ใบหูค่อนข้างบาง มีหู 2 ชนิด คือหูตูบแบบบูลด็อก และหูพับแบบลูกกระดุม แต่จะนิยมหูพับมากกว่า
          ตา   ดวงตากลมโต สีเข้ม
          ปากสั้น   รูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส กรามล่างจะยื่นออก
          จมูก   สั้น สีด
          ฟัน   ขบกันแบบกรรไกร
          ลำตัว   สั้น หลังตรง ล่ำสัน และมีกล้ามเนื้อแข็งแรง
          คอ   สั้น โค้งเล็กน้อย
          อก   กว้าง
          ขา   ขาหน้าเหยียดตรง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ความยาวปานกลาง เท้าไม่กลมเหมือนเท้าแมว เล็บสีดำ
          หาง หางชี้ขึ้นด้านบน แต่ลักษณะม้วนเป็นวงจนติดบั้นเอว หากม้วนได้ 2 รอบ ถือว่าเป็นลักษณะที่สมบูรณ์
          ขน   สั้นละเอียดเป็นประกาย ไม่ปุกปุย
          สี   สีน้ำตาลแบบลูกวัว สีเงิน หรือสีดำ มีาร์คกิ้งสีดำที่หน้าและใบหู
          ขนาด   สูง 10-11 นิ้ว น้ำหนัก 6.5 - 8.2 กิโลกรัม
          การเดิน และการวิ่ง   คล่องแคล่ว ปราดเปรียว
          ลักษณะที่ถือว่าบกพร่อง   หัวกะโหลกเล็ก ช่วงปากยาว ตาเล็ก รอยย่นเห็นไม่ชัด
          ช่วยชีวิตเฉลี่ย   12 - 14 ปี